เกิดบนดิน หยัดยืนพื้นพสุธา
ขึ้นมาจนเป็นต้นไม้
อิ่มอาหาร มีน้ำเลี้ยงร่างกาย
กิ่งใบงอกงามแข็งแรง
วันพรุ่งนี้เป็นวันที่พวกเราทุกคนรู้กันดีว่ามีความสำคัญอย่างไร
แต่วันนี้...จะมีสักกี่คนกันนะที่จะรู้ว่า เป็น "วันสิ่งแวดล้อมไทย"
ยิ่งไปกว่านั้น ใน "วันสิ่งแวดล้อมไทย" ประจำปี 2553 นี้ ยังเป็นวันที่เราอาจจะต้องจดจำไว้ เพื่อเล่าให้คนรุ่นหลังฟังว่า
เป็นวันที่ต้นไม้ใหญ่น้อยบนเนื้อที่กว่า 3 ไร่ ในซอยสุขุมวิท 35 ถูกโค่นทิ้งไปทั้งหมด...
ถ้าใครได้นั่งรถไฟฟ้าผ่านสถานีพร้อมพงษ์ คงจะได้เห็นหย่อมสีเขียวๆ ในซอยสุขุมวิท 35 บ้าง
ภาพข้างล่างเป็นภาพถ่ายทางอากาศ คงจะไม่ได้เห็นวิวประมาณนี้จากสถานีรถไฟฟ้า แต่ก็ใกล้เคียง
ชุมชนของต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ เป็นต้นก้ามปู และต้นอื่นๆ ที่มีอายุร่วมๆ 100 ปี
ด้วยคุณค่าทางระบบนิเวศ ชุมชนต้นไม้ใหญ่ เปรียบเสมือน "Sanctuary" เล็กๆ ใจกลางเมืองที่มีแต่ตึกสูง คอนกรีต ถนน และเสาตอม่อรถไฟฟ้า ให้กับต้นไม้เล็กๆ ต้นอื่นๆ นก แมลง แมง และสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่ามากมาย
และสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในแถบนั้นมานาน หรือแม้แต่คนที่ผ่านไปผ่านมา "ต้นไม้ใหญ่" ก็มีคุณค่าทางจิตวิญญาณด้วยเช่นกัน
คงจะเข้าใจได้ไม่ยาก ก็เหมือนกับเราเดินเข้าคณะวิทย์ เห็นสวนป่าของคณะแล้วรู้สึก "เย็น" รู้สึก "ดี" รู้สึก "ชุ่มชื่น" อย่างไร
ความรู้สึกเช่นนี้ เป็นความรู้สึกร่วมของทุกผู้คน เป็นความ "รัก" ในสิ่งมีชีวิต "รัก" ในธรรมชาติ ซึ่ง Edward O Wilson ได้เสนอทฤษฎีว่าด้วย "Biophilia" มาอธิบายเรื่องนี้
หลายๆ คนคงได้มีประสบการณ์ตรง หรือไม่ก็มีญาติสนิทมิตรสหาย รักสัตว์เหมือนลูก ใช่มั้ย?
ต้นไม้ใหญ่กลางเมือง ดังเช่นชุมชนต้นก้ามปูในซอยสุขุมวิท 35 ก็เช่นเดียวกัน
ต้นไม้ใหญ่กลางเมือง จึงถือว่าเป็น "สาธารณสมบัติ" ที่หลายๆ ประเทศให้ความคุ้มครองตามกฎหมาย ประชาชนของบางรัฐในอเมริกา แคนาดา หลายประเทศในยุโรป หรือแม้แต่สิงคโปร์บ้านใกล้เรือนเคียงของเรา แม้ตนเองจะมีสิทธิ์ในที่ดิน ในบ้านของตัวเอง แต่ไม่สามารถตัดต้นไม้ใหญ่ได้โดยพลการ ต้องขออนุญาตจากทางการก่อน หรืออาจต้องถึงขั้นทำประชาพิจารณ์กับพลเมืองในชุมชนนั้นๆ กันเลยทีเดียว
ดูๆ ไปก็ตลกดี เมื่อบรรดาบริษัท บรรษัท ห้างร้านต่างๆ ออกมาเกาะกระแสโลกร้อน ทำแคมเปญ CSR (coporate social responsibility - องค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม) กันยกใหญ่ ทั้งแจกถุงผ้า เสื้อแจ็กเก็ต พาคนไปปลูกป่าชายเลน หรือแม้แต่นำสัตว์มาแสดงโชว์ในห้าง (เรื่องการนำสัตว์มาโชว์ในห้าง เป็นดราม่าอีกเรื่องนึงได้เลย) แต่การรักษาต้นไม้ใหญ่ กลับถูกเมิน เมื่อพื้นที่ตรงนั้นได้ตกเป็นของนายทุน ซึ่งกำลังจะสร้างห้างสรรพสินค้าขึ้นมาอีกแห่ง (คำใบ้: เป็นสาขาที่สอง ของห้างสรรพสินค้าในย่านนั้น)
เป็นข่าวในสังคมออนไลน์มาแล้วพักใหญ่ๆ กับการประชาสัมพันธ์ให้คนได้รับรู้ชะตากรรมของต้นไม้ใหญ่ในซอยสุขุมวิท 35 รวมไปถึงการรณรงค์ให้ชะลอ และร่วมกันหาทางออกให้กับต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ในแนวทางของสันติวิธี ในนามของ Big Trees
การต่อสู้เริ่มมีความหวัง เมื่อพลังของสังคมออนไลน์เร็วเสียยิ่งกว่าปากต่อปาก และเดี๋ยวนี้สื่อก็มักจะมองหาข่าวจากสื่อสังคมเสียด้วยซ้ำ มติชนลงข่าวถึงเรื่องนี้ คมชัดลึกลงข่าวหน้า 1 ให้ และลงข่าวซ้ำติดตามความเคลื่อนไหว ยังมีไทยรัฐช่วยลงข่าวอีกแรง และนักข่าวเนชั่นที่เป็นที่รู้จักกันในหมู่สังคมออนไลน์ก็เขียนบล็อกและทำรายงานข่าวถึงเช่นกัน
วันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เขตวัฒนา กทม. และตัวแทนกลุ่ม Big Trees ก็ได้หารือกันหน้าโครงการก่อสร้าง อาจมีทางออกคือการล้อมต้นไม้ไปปลูกที่สวนสาธารณะของกทม. หรือที่ดินที่นครราชสีมาของเจ้าของที่ดิน
แต่...น่าตลกอีกแล้วครับท่าน!
ในวันสิ่งแวดล้อมไทยนี้เอง ต้นไม้ใหญ่ทั้งหมด ได้ถูกโค่นลงในวันนี้...
เรามาดูภาพหลังตัดต้นไม้กันดีกว่าครับ
เกิดบนดินแดน ทดแทนมากมาย
แต่กลับต้องตาย ให้กับความรุ่งเรือง
ถูกคนทำลาย เพื่อไปสร้างเมือง
นี่คือเรื่องราว เหล่าพันธุ์พืชไพร
...
ข้อมูลทั้งหมด (รวมถึงรูปด้วย) ผมนำมาจาก Fan Page ของ Big Trees (http://www.facebook.com/BIGTreesProject) ซึ่งสามารถอ่านข่าวและบทความที่เกี่ยวข้องได้จาก Notes ของ Fan Page ครับ