จากสถิติ ของ Worldwatch institute ระบุว่า
ระยะเวลาเฉลี่ยในการใช้โทรศัพย์มือถือ 1 เครื่อง
ในปัจจุบันมีอยู่ราว 14 เดือน ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องใหม่
นับว่าน้อยกว่าอายุการใช้งานจริงที่ควรจะเป็น
ทั้งๆที่มือถือยุคใหม่ไม่ได้ทำอะไรออกมาสนองความต้องการมากนัก
และระยะเวลาในการใช้งานอาจจะน้อยเกินไปกว่านั้น
ในกลุ่มผู้ใช้มือถือที่เห็นเป็นเพียงอุปกรณ์เสริมความมั่นใจ
เปลี่ยนเครื่องใหม่ทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในเทรนด์
และได้ของที่ฉลาดสุดๆอยู่ในมือ

แต่รู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังความพอใจที่ได้อินเทรนด์นี้
ยอดขายหลายล้านๆเครื่องในแต่ละปี หมายถึง น้ำตา ฝันร้าย
และความตายของชาวคองโกนับล้านชีวิต
นี่ยังไม่นับรวมการฆาตกรรมหมู่ในป่าลึก,
ความตายของกอริลล่ายักษ์ที่อาจเหลือฝูงสุดท้ายในรวันดา


ตัวเชื่อมที่ทำให้มือถือโยงไปถึงสงครามร้ายแรงที่สุด
ในประวัติศาสตร์แอฟริกาคือ โคลัมไบต์-แทนทาไลต์
หรือแร่โคลแทนที่พบมากในแอฟริกากลาง,แน่นอน...ในคองโก

เพราะการลักลอบทำเหมืองและส่งออกโคลแทน
กลายเป็นแหล่งหารายได้ที่เติมเชื้อไฟให้กับAfrican World War
ในจำนวนประเทศทั้ง8 ที่ติดหล่มสงคราม
และกองกำลังติดอาวุธกว่า20กลุ่ม
หลายกลุ่มหาผลประโยชน์จากพื้นที่คองโก
ที่ประเมินว่ามีแร่โคลแทนมากถึง 80% ของปริมาณโคลแทนในโลก
การดิจิไทซ์โลก ถนนทุกสายจึงมุ่งไปที่พื้นดินของคองโก
กองกำลังประชาธิปไตย กลุ่มปลดปล่อยรวันดาหรือ FDLR
ที่มีชาวฮูตูเป็นแกนนำ เป็นตัวอย่างที่เห็นชัด
ของการทำเหมืองแร่ในคองโกอย่างผิดกฏหมาย
แม้จะต้องเสี่ยงจากการถูกปราบปรามจากรัฐบาลคองโก
แต่FDLR และอีกหลายกลุ่ม
ก็เห็นว่ามันเป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่าอยู่ดี
เพราะแทนทาลัมเพียง 1 ปอนด์ทำเงินร่วม หมื่นบาท
แทนทาลัม 1 ปอนด์ เป็นได้ทั้งตัวเก็บประจุในโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่
และแปลงเป็น AK-47 พร้อมกระสุนให้กับกองกำลังติดอาวุธ
หน่ำซ้ำในกระบวนการร่อนแร่หาโคลแทน
แรงงานที่ถูกบังคับให้ทำเยี่ยงทาส ก็คือเด็กๆคองโกลีส
ซึ่งองค์การสหประชาชาติรายงานว่า ในบางพื้นที่ของคองโก
ในเด็ก 100 คนจะมี 30 คน ที่ต้องใช้เวลาทั้งวัน
ไปกับการแยกโคลแทนออกจากเศษหินอื่นๆ
เงินค่าจ้างไม่ถึง 35 บาท ต่อการหาโคลแทนให้ได้ 1 ปอนด์


เรื่องมือถือเปื้อนเลือดถูกพูดถึงเมื่อหลายปีก่อน
บริษัทระดับโลกอย่าง Nokia,Ericsson,Moto,Acer ,Compaq
ออกมาปฎิเสธเสียงแข็งว่า โคลแทนที่ใช้ในการผลิตของตน
ไม่ได้มาจากคองโก แต่มีซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้หามาให้
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่บอกได้ว่า
แทนทาลัมในมือถือที่พกติดตัวจนกลายเป็นอวัยวะที่33
นั้นมาจากคองโกหรือเปล่า
การตรวจสอบเส้นทางของแทนทาลัมนั้น
ต่อให้ใช้วิธีตามไปดูถึงที่แบบกบนอกกะลา
ก็ยังไม่สามารถบอกที่มาได้
โคลแทนได้ถูกลักลอบเอาออกนอกคองโก
เข้าสู่ตลาดมืด และขายทอดต่อไปเรื่อยอีกอย่างน้อย 10 ทอด
กว่าจะไปถึงผู้จัดหารายใหญ่ ที่บริษัทบิ๊กๆเลือกเป็นคู่ค้า
ความพยายามทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้วัตถุดิบ
มารองรับความต้องการการซื้อมือถือในตลาดโลก
นอกจากจะมีส่วนสร้างประวัติศาสตร์เลือดให้กับอัฟริกาแล้ว
ยังส่งผลร้ายต่อสัตว์ป่าด้วย สัตวป่าน้อยใหญ่ กอริล่า และช้างป่านับพัน ถูกฆ่าจากการโดนบุกรุกของมนุษย์เพื่อหาโคลแทน


เพราะในพื้นที่ๆขุดหาโคลแทน มันคือบ้านของ กอริลล่าภูเขา
ที่เหลืออยู่บนโลกนี้ไม่กี่ร้อยตัว
สัตว์ร่วมวงศ์กับมนุษย์ ที่แสนจะขี้อาย สุภาพ
ไม่เพียงถูกเหมืองคุกคามถิ่นที่อยู่
พวกทำเหมืองยังล่าพวกมันเอาหัว บางทีก็ชำแหละนำเนื้อมากินด้วย

สวนสัตว์ในแอฟริกาหลายแห่ง รณรงค์การรีไซเคิลมือถือ
เพื่อลดอัตราการใช้โคลแทนในการผลิตมือถือใหม่
ด้วยหลังจะชะลอการสูญพันธุ์ของกอริลล่าภูเขาในคองโกได้บ้าง
แต่ดูเหมือนไม่ทันต่ออัตราการเติบโต
ของอุปกรณ์ที่เป็น “มากกว่าใช้พูด” แต่ส่วนใหญ่”ก็ใช้แค่พูด”เท่านั้น
ในทวีปแอฟริกาเอง พิษภัยจากมือถือคุกคามชีวิตและทรัพยากรตัวเอง
แต่อัตราการใช้มือถือก็เพิ่มขึ้น 1000%
เช่นเดียวกับจำนวนคนบริสุทธิ์ที่ล้มตายลง
ในสงครามกลางเมืองคองโก ประมาณการณ์กันว่า
นับแต่ปี 2547 ซึ่งเป็นปียุติสงครามอย่างเป็นทางการ
ยังมีผู้เสียชีวิตจากความรุนแรงรูปแบบต่างๆถึงเดือนละ 45,000คน
หรือปีละ 540,000
คน ตัวเลขนี้ยังไม่รวมถึง
ผู้หญิงหลายหมื่นที่ถูกทารุณทางเพศ
ของกลุ่มติดอาวุธต่างๆ เพียงแต่พวกเธอยังไม่ตาย

1,222,245,200,000 กับ 540,000 อาจมีหน่วยนับต่างกัน
แต่อัตราการขยายตัวกลับแปรตามกันอย่างน่ากลัว
ถ้าความอินเทรนด์ของคุณ นำมาซึ่งตัวเลขที่มีหน่วยศพเพิ่มมากขึ้น
คุณยังอยากเปลี่ยนมือถือทัชสกรีนมาใช้เล่นอีกสักเครื่องไหม ...!?!

ปล. มีคนบนโลกไม่ถึง 5 % ด้วยซ้ำไปที่ใช้ option ของมือถือครบ ทั้ง 108!! ดังนั้นในฐานะมนุษย์ด้วยกันกรุณาอย่ามองว่ามันไม่ใช่ปัญหาส่วนตน เราได้มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ได่มีโอกาสเลือกสิ่งดีๆใช้แล้ว ช่วยกันแบ่งปันโอกาสเหล่านี้ให้เพื่อนร่วมโลกด้วยเถิด............
7 comments:
โดยความจริงแล้ว ผมเองก็พึ่งไปเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่มาเช่นกัน ในวันก่อนหน้าเข้าเรียนวิชา NREM นี้ (หลังจากที่ใช้งานเครื่องเก่ามากว่า 4 ปี) ทำให้ผมรู้สึกสะดุ้งขึ้นมาและนึกถึง Forward mail นี้ที่เคยอ่านไปประมาณปีที่แล้ว ซึ่งหลายคนอาจจะเคยอ่านไปบ้าง แต่ผมก็อยากให้อีกหลายๆคนไม่ใช่แค่ในคลาสหรือใน ม. แต่เป็นคนทั่วๆไปได้รับรู้ถึง อุปกรณ์ติดต่อสื่อสารที่ทุกคนต่างบอกว่า"จำเป็น" ที่จะต้องมีไว้ในครอบครอง แม้ว่าจะใช้แค่โทรออก-รับสายก็ตาม ก็ตามบทความครับคงไม่ต้องขยายความอะไรมากสำหรับความเห็นของผมนะ นึกถึงเครื่องที่พึ่งเปลี่ยนไป แม้ว่ามันจะมีปัญหากันระบบ กล้องทำงานช้า ตัวเครื่องถลอกปอกเปลือก ฯลฯ แต่ในการสื่อสารด้วยวิธีการต่างๆของเครื่อง ยังคงใช้ได้ ปรกติ เลยรู้สึกผิดไปบ้าง ว่าน่าจะเก็บดูอาการมันอีกสักปีก่อนเปลี่ยน
ปล. ลืมรายงานตัวครับ การ์ด Py #4
ถ้านำข่าว ภาพ หรือข้อมูล จากแหล่งต่างๆ มาลงใน blog พี่ก็อยากให้เราทุกคนได้เขียนจากมุมมองของตัวเราเองด้วยนะครับ จะเรียบเรียงเขียนใหม่หมดเลยเป็นการเล่าเรื่อง หรือว่าคอมเม้นท์ตอนต้นหรือตอนท้ายก็ได้ เช่น ข้อมูลนี้การ์ดเล่าไว้ใน post ได้เลย ไม่ต้องเขียนแยกใน comment ครับ จะดีกว่า
นอกจากนี้ อยากให้ทุกคนเข้ามาเขียน blog เพราะมีอะไรอยากแลกเปลี่ยน หรือถ้าไม่มีก็เข้ามาบอกกล่าว เข้ามาถาม ก็ได้ทั้งนั้นนะ ถ้าเราเขียนเพราะพยายามให้ครบตามจำนวนครั้งที่เราตกลงกันไว้ในวิชาว่า ๒ ครั้งต่อสัปดาห์ มันจะทำให้เราไม่สนุก อึดอัด และกลายเป็นการนำข้อมูลจากแหล่งหนึ่งมาแปะเท่านั้นเอง
อยากให้สนุกและได้เข้าใจวัตถุประสงค์ที่พี่ๆ เชียร์ให้มาใช้ blog ครับ
:-)
ปล. อ่าน post นี้ของการ์ดแล้วนึกถึงเรื่องของน้องคนหนึ่งที่เขาไปซื้อมือถือมาใหม่ แล้วพี่สาวก็ไปเขียนความเห็นไว้ใน fb เชิงตำหนิ เขาก็แสดงความเห็นตอบได้ดีมากเลยทีเดียว เป็นเรื่องว่าด้วยมือถือที่เห็นมิติซับซ้อนในเรื่องราวเดียวกันนั้น ไม่ได้มีแค่ถูกหรือผิด
ถ้ามีโอกาสและพร้อม พี่หวังว่าเจ้าตัวเจ้าของเรื่องอาจจะได้เข้ามาแบ่งปันให้พวกเราได้อ่านได้ฟังกันครับ
คล้ายๆ blood diamond
เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยากยิ่งสำหรับประเทศที่ขาดการพัฒนา และมีเปอร์เซ็นคอรัปชั่นที่สูงลิ่ว
จริงๆก็มีเพื่อนชอบเปลี่ยนมือถือบ่อยๆเหมือนกัน
รุ่นไหนออกมาใหม่โอเคเตรียมเปลี่ยนได้เลย บีก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่ามันต่างกันตรงไหน โทรเข้า ออกได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ยิ่งเห็นข่าวนี้แล้วเศร้าใจเพราะปัญหามันมากกว่าที่เราคิดจริงๆ ที่พูดยังนี้ไม่ใช่ว่าไม่ให้ใช้มือถือแต่ขอแค่ให้ใช้อย่างคุ้มค่าก็พอแล้ว
ปล.chatไม่เห็นดีตรงไหนเลย ลืมคนข้างๆไปซะหมด
ครับ ขอกลับมาแสดงความคิดเห็นในโพสของตัวเองครับ (ตอนแรก ไม่ทราบรูปแบบ ต้องขออภัย ^^)
มือถือเอง ปัจจุบัน ถูกสังคมผลักดันให้กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ผมว่ามันก็เป็นเรื่องดี การมีมือถือเครื่องเดียวทำให้เราไม่ต้องแบกของต่างๆมากมายไปทำงาน ไปเรียน หรือประกอบกิจกรรมต่างๆ และการที่มีระบบที่ทำให้ติดต่อสื่อสารที่สะดวกส่งผลดีรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการประชุม conference ซึ่งคนที่ร่วมการประชุมอาจจะกำลังทำงานกันอยู่คนละที่ ไปจนถึง การรักษาความปลอดภัย หรือในกรณีฉุกเฉินต่างๆ นอกจากนี้ การอัพเดทของบริษัทที่สนับสนุนให้มือถือเครื่องใหม่ๆ ออกมามีช่องทางการสื่อสารเพิ่มขึ้น ซึ่งเปิดโอกาสให้คนใช้อุปกรณ์นี้ได้อย่างกว้างขวางและหลากหลายขึ้น การติดต่อข่าวสารและการ "อัพเดท" ต่างๆก็เป็นเรื่องง่าย และอย่างคำที่ทุกๆคนรู้กัน "ข่าวสารเป็นสิ่งสำคัญต่อสัตว์สังคมอย่างมนุษย์" ซึ่งยิ่งทำให้มือถือกลายมาเป็นอุปกรณ์ที่ "จำเป็น"
ทัศนคติ ของคนที่ใช้มือถือส่วนใหญ่ก็เป็นอะไรประมาณนี้ ซึ่งผมเองก็คิดเช่นนั้น แต่ สิ่งหนึ่งที่ถูกปลุกฝังมาพร้อมกับการสื่อสารที่ผู้ใช้มือถือ ทุกคนที่ไม่ทันสังเกตุ ก็คือการ "อัพเดท" เพราะช่องทางใหม่ๆในการสื่อสาร ที่บริษัทสร้างขึ้นมาทำให้เกิดการ"อัพเดท"ที่ต้องการการ "อัพเดท" จากผู้ใช้เช่นกัน ถ้าผู้ใช้ไม่ปลี่ยนมาใช้ อุปกรณ์ใหม่ ก็จะไม่สามารถเข้าถึงข่าวสารหรือวิธีการแบบใหม่ๆ นี้ได้ ดังนั้น ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่มีทุนพร้อม ผู้ใช้ต่างก็พร้อมที่จะ"อัพเดท" เพื่อมีแหล่งข่าวสารใหม่ๆ มาไว้ในครอบครอง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากตั้งแต่อดีต (Nokia3310โทรได้มีเสียงเรียกเข้าดีๆก็หล่อแล้ว) ถึงปัจจุบัน(BB เฮ้ยมาแลกPIN กันเว่ย ) จนเกิดเป็น เทรนด์ ที่คนที่ไม่มีจะถูกมองว่าล้าหลัง (ซึ่งมันก็คนส่วนใหญ่ในประเทศด้วยซ้ำ) โดยทั้งหมดนี้มันก็เป็นอุบายเพื่อ การตลาดของบริษัท เท่านั้นเอง
มือถือเครื่องใหม่มีดีอะไร สำหรับผมการเปลี่ยนจาก 3310 มาเป็น N73 เนี่ยะ มันโทรออกได้เหมือนกัน รับสายได้ มีริงโทน sms แต่พอผม "อัพเดท" ผมถ่ายรูปได้(ใช้ทำงาน), ผมเช็ค e-mail(ติดต่องานเวลาอยู่นอกสถานที่) , บอกตำแหน่ง GPS (เวลาไปเที่ยวไม่ต้องมาการแผนที่3เมตรครึ่งแล้วเอาหมุดปัก), dictionary, Vedio recorder, mms(บางที) เอ้อ ยังไม่รวมถึงเครื่องคิดเลขที่มีมาตั้งแต่ 3310 และยังมีอื่นๆที่ผมได้ใช้งานจากฟังก์ชั่นทั้งหมด ซึ่งผมก็ว่ามันคุ้มค่ากับการ "อัพเดท" ซึ่งผมก็ได้ใช้มันมาตลอด 4 ปี(ด้วยความสมบุกสมบัน) แต่อย่างการ"อัพเดท"ของผู้ใช้ในปัจจุบัน จาก Nseries ไปเป็น BB หรือ iphone,etc. สิ่งที่ได้เพิ่มขึ้น มันเป็นอะไรที่ "จำเป็น" ต้อง "อัพเดท" โดยเฉพาะในเร็ววัน จริงหรือ? นอกจากกลัวตกเทรนด์ แล้ว ผมก็ไม่เห็นว่ามีอะไรที่คุ้มค่ากับเงินกับทรัพยากรณ์ของโลกและเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในบทความนี้เลย แต่คนส่วนมากในสังคมไทยยังคงเลือกที่จะ "อัพเดท" โดยใช้เหตุผลของการใช้มือถือ(ข้างต้นๆนู้น) กับผู้อื่น แต่สำหรับตนเองแล้ว เทรนด์กลับเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย โดยไม่เคยรู้เลยว่ามีคนตายไปกับการตัดสินใจของคุณจริงๆ
ตัวผมเอง ผมคิดว่าโชคดีที่ถูกควบคุมการใช้งานจากผู้ปกครองเมื่อตอนอยู่ ม.5 ซึ่งได้ใช้มือถือเป็นครั้งแรก ซึ่งพ่อก็ได้ทำให้เห็นว่าเทรนด์มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตใครสมบูรณ์แบบขึ้น เพราะ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ จะเป็น Nseries,BB,iphone,Galaxy หรือ 3310 ก็โทรเรียกรถพยาบาลได้เร็วเท่ากัน
มันกระทบใจมากครับโพสต์นี้ เพราะกำลังตั้งข้อสงสัยกับการซื้อมือถือใหม่ของตัวเองอยู่ มันไม่ใช่แค่ ซื้อมือถือใหม่ แต่การซื้อมือถือที่กระทบไปถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว แม้ว่าเราจะใช้มันได้อย่างคุ้มค่าราคาเพียงใด พูดได้เต็มปากว่าไม่ได้ตามเทรนด์ใคร แต่ก็รู้สึกผิดจริงๆ ที่ตัดสินใจซื้อมา..
ครับพี่หนุ่ม ไหนๆก็เล่าประวัติซะหมดเปลือกขนาดนี้
Yao Taphanhin : ประเทศชาติ คงเจริญ เป็นถึงนักเรียนทุน ได้เงินทุนมา แทนที่เอามาแบ่งเบาภาระ พ่อ แม่ ดันเอาไปซื้อ iPhone 4
แค่นี่คิดไม่ได้ ไม่น่ามีหน้่าไปเป็น กระบวนกร อะรัยร้อก จิตปัญญาฟุ้งเฟ้อ.งง
Attapon Aphai-thong : (ประเด็นเรื่องเงินทุนของประเทศชาติ คิดว่า iphone 4 คงตอบจอบโจทย์ของประเทศไม่ได้ แต่หนูซึ่งพร้อมจะอุทิศตัวทำเพื่อประเทศ เงินที่ชาติให้มา หนูจะตอบแทนให้คุ่มแน่นอน) ขอบคุณนะพี่เยาว์ ความจริงมีความตั้งใจหลายอย่าง เรื่องการใช้เงิน แล้วเงินทุน...ในเทอมนี้ จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่และพี่เยาว์แน่นอน ยอมรับและเข้าใจว่าสิ่งที่หนูทำ มันไม่ดียังไงในมุมมองของพี่เยาว์ แต่ว่าโลกในวัยเดียวกันของเรามันก็ห่างกันถึงทศวรรษ บนโลกที่ทุกอย่างก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว พี่น้องซึ่งพ่อแม่เดียวกันนิสัยต่างกัน อยู่ในสังคมที่ต่างกัน ถึงน้องจะยังมีความเคารพพี่มากเนื่องในความดีและสิ่งที่พี่ทำให้น้อง แต่น้องก็ย่อมมีมุมมองที่แตกต่างในเรื่องราวเดียวกัน อันเนื่องมาจากความต่างทั้งหลาย ขอให้พี่จงอย่าเลิกพยายามในการตักเตือนน้อง ถึงคราวนี้น้องจะไม่ฟัง แต่ประสบการณ์ของพี่ก็จะช่วยน้องได้อีกหลายๆเรื่องแน่นอน ขอบคุณและพูดจากใจจริงๆ
Attapon Aphai-thong : พี่เยาว์คือคนที่หนูเคารพ และนับถือมาก ถึงแคร์มาก สิ่งที่หนูทำหนูก็ต้องพร้อมรับผล หนูฟุ้งเฟ้อหนูก้ต้องรับผลของความฟุ้งเฟ้อของตัวเอง ถ้าหากมันจะเลวร้าย มันคงส่งผลกับตัวหนูมากที่สุดทั้งตอนนี้และในอนาคต
แ่ต่หนูก็พร้อมที่จะจัดการและปรับตัวกับผลต..ต่างๆที่จะตามมา เพราะก่อนหนูจะตัดสินใจ หนูก็ไตร่ตรองแล้ว
Attapon Aphai-thong : เข้าใจน่ะที่บอกว่าหนูฟุ้งเฟ้อ ยอมรับแต่โดยดี เข้าใจความหวังดีของพี่เยาว์ในเรื่องความระวังในการใช้เงิน แต่ครั้งนี้หนูไม่ได้ใช้เงินโดยไม่คิดไม่ผ่านการไตร่ตรอง แต่หนูไตร่ตรอง และคิดว่า iphone เนี่ยมันคุ้มสำหรับหนูจริงๆ
(ที่ตอบเยอะเพราะพี่เยาว์ค...่อนข้างจะออกตัวแรงมีผลต่อความรู้สึกหนูมาก หนูไม่ได้ไม่พอใจคำพูดพี่เยาว์แม้แต่น้อย แต่ความรู้สึกที่ขึ้นมาคือ จะดูแลความหวังดีของพี่เยาว์ยังไง จะทำยังไงให้พี่เยาว์ยอมรับความต่าง จะบอกยังไงให้พี่เยาว์รู้ว่าหนูเข้าใจในความหวังดี และคำเตือนของพี่เยาว์จริงๆ)
จบครับ
มันเป็นการตอบที่บอกความรู้สึกของผมก็จริงๆครับ แต่มันก็เต็มเป็นด้วยอัตตา เหตุผลของผมจริงๆ
เพราะหลังจากนั้นพี่เยาว์พูดกับผมว่า บอสก็มีเหตุผลของบอสตลอด...
Post a Comment