ในการเข้าใจสิ่งต่างๆรอบตัว บ่อยครั้งที่มนุษย์ถูกครอบงำให้เข้าใจผิดด้วยสิ่งที่ฝรั่งเรียกว่า "Myth"
หรือความ(หลง)เชื่ออย่างผิดว่าสิ่งนั้นเป็นความจริง ขอยกตัวอย่างมิธบางประการดังต่อไปนี้
มิธแรก ที่เพิ่งเกิดขึ้นก็คือการแปรเปลี่ยนพืชเป็นเอทานอล หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า พลังงานชีวภาพ
เพื่อทดแทนการใช้พลังงานฟอสซิล นั้นเป็นเรื่องที่ดี และมีใช้ได้ไม่จำกัด อีกทั้งยังช่วยเรื่องโลกร้อนได้อีกด้วย
ขอเริ่มด้วยข้อเท็จจริงว่า ถ้าเติมน้ำมันรถขนาด 2500cc ให้เต็มถังด้วยเอทานอลที่ผลิตจากธัญพืช ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพดหรือถั่วเหลือง ปริมาณนั้นสามารถเลี้ยงคนหนึ่งคนได้ตลอดปี!!
สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำการผลิตเอทานอลโดยใช้ข้าวโพดและถั่วเหลือง มีผู้คำนวณว่าถึงแม้ร้อยเปอร์เซ็นของพืชทั้งสองที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาในแต่ล่ะปีถูกแปรเปลี่ยนเป็นเอธานอล ก็จะสามารถทดแทนการใช้น้ำมันรถยนต์ทั้งหมดในอเมริกาในแต่ล่ะปีได้เพียงร้อยล่ะยี่สิบเท่านั้น
ผู้คนจำนวนมากลืมคิดไปว่าการผลิตเอธานอลเพื่อทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล ที่กำลังฮิตในขณะนี้กำลังทำให้โลกมีอาหารบริโภคน้อยลง รัฐมาตรีคลังของอินเดียกล่าวในการประชุมธนาคารโลกเมื่อเร็วๆนี้ว่า "เมื่อคนเป็นล้านๆคน หิวโหย การเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงานชีวภาพคือาชญากรรมทำลายมนุษยชาติ"
นอกจากนี้ยังมีการคำนวณว่าพลังงานชีวภาพที่ทำให้คน แปดร้อยล้านคนในโลกที่ใช้รถยนต์ต้องปะทะกับคนที่หิวโหยในโลก แปดร้อยล้านคน เมื่อสี่ปีก่อนมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย มินนิโซตา พยากรณ์ว่าคนยากจนในโลก(ผู้ที่มีปัจจัยสี่ไม่ครบ) จะลดลงเหลือ หกร้อยยี่สิบห้าล้านคนก่อนปี 2025 แต่อย่างไรก็ดี เมื่อปี2007 นักวิจัยทีมเดียวกัน ทบทวนคำพยากรณ์อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการผลิตเอทานอล ว่าคนจนนั้นจะเป็นพันสองร้อยล้านคน ไม่ใช้ หกร้อยยี่สิบห้าล้านคนอย่าที่เคยคาดไว้
ในเรื่องพลังงา่นชีวภาพและภาวะโลกร้อน งานวิจัยพบว่าเฉพาะการผลิตเอทานอลจากอ้อยเท่านั้นที่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะลดการปล่อยCO2 ได้มากกว่า CO2 ที่เกิดจากกระบวนการผลิต (สุทธิแล้ว CO2ลดลง) สำหรับการใช้พืชอื่นๆในการผลิตแล้วพบกว่ากลับเพิ่มการปล่อย CO2 ด้วยซ้ำและทำให้ภาวะโลกร้อนเลวร้ายลง
งานวิจัยเหล่านี้ชนเปรี้ยงกับทิศทางผลิตเอธานอลของสหรัฐซึ่งใช้ข้าวโพดเป็นหลัก ซึ่งต่างจากของบราซิลที่ใช้อ้อย
ผมมิได้บอกว่าการใช้พลังงานชีวภาพเป็นสิ่งไม่ดีและไม่ควรใช้หากกำลังบอกว่าการผลิตพลังงานชีวภาพทำให้ต้องเสียสละอาหารที่ผู้คนสามารถเอาไปบริโภคได้ มันมี Trade-off หรือได้แลกกับเสีย ระหว่างอาหารและพลังงานเกิดขึ้นเสมอ เข้าหลัก "โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี"
โดยบทความข้างบนนี้ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ีงที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีการกระทบต่อสมดุลอยู่เสมอ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม
คัดลอกมาจาก ราคาคือของจริง(Behavioral Economics) เขียนโดย วรากรณ์ สามโกเศศ
1 comment:
มีพลังงานชีวภาพอีกแบบหนึ่ง คือ สาหร่ายเซลล์เดียว หรือ microalgae ที่สามารถใช้ผลิตพลังงานได้ ใช้ผลิตน้ำมัน ซึ่งสามารถเพาะเลี้ยงได้ และได้ครั้งละมากๆ ด้วย และอาจกระทบต่อการขาดแคลนพืชอาหารที่กล่าวมาข้างต้นน้อยมาก แต่ติดอยู่ที่ต้นทุนการผลิตยังสูงอยู่
Post a Comment